วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เมื่อได้ฟังถ้อยคำของกวี



โดย: อภิชาติ ไสวดี


เมื่อได้ฟังถ้อยคำของกวี
ที่เชิญชวนชี้เรื่องเล่าของยุคสมัย

จะดั้นด้นดุ่มเดินสู่ป่าไพร
ไม่ยอมสิ้นอายุขัยก่อนได้พบ

คือการเดินทางสู่อาณาจักรภายใน
เทียวท่องยาวไกลไม่รู้จบ

บ้างพูดถึงวิถีแห่งนักรบ
สูงสุดคือสยบอัตตาตน

คำงามบอกกล่าวโลกอันงดงาม
เติมเต็มนิยามการสืบค้น

ในคลื่นความคิดความเป็นคน
ที่ว่ายเวียนในวังวนความต้องการ

ครูถามบทกวีของเธอจะเป็นเช่นไร
บนโลกใบใหม่สืบต่อประสาน

กับโลกใบเก่าปลุกเร้า ลึกร้าวราน
เมื่อความฝันแสนหวานยังหมองมัว

คล้ายยังไม่เห็นว่ากวีชี้ชีวิต
บางคำโลกตราถูกผิดกับดีชั่ว

ริมทางผ่านกล่าวขานความหวาดกลัว
จะแหวกทางจนเกินตัวก็หวาดระแวง

ในความมืดของรัตติกาล
เมื่อลองท่องทะยานไปสู่แสง

ด้วยคำงามฉุดเร่งเต็มเรี่ยวแรง
วิญญาณได้สำแดงเดชฤทธิ์กวี

ก่อร่างสร้างความหมายใหม่
เริงร่าด้วยกำลังใจทอดท่องวิถี

ถ้อยคำที่หล่นจากปลายลิ้นยินดี
คำที่เติมจนเต็มมีญาณปัญญา

เก็บดอกไม้แรกแย้มบานวัยหวานชื่น
จะให้วันคืนผ่านไปอย่างไร้ค่า

หรือจะรีบฉกฉวยวันเวลา
และพร้อมเผชิญหน้ากับความจริง

ถ้อยคำน้อมนำสู่ส่วนลึกของหัวใจ
ที่ความฝันยิ่งใหญ่กว่าบางสิ่ง

กว่าความคิดบางส่วนซึ่งถูกฉกชิง
จากมายาการที่หยุดนิ่งดั่งความตาย

กวีไม่ได้บอกให้เป็นกวี
แต่กวีมีหนทางอันหลากหลาย

กวีคือสีสันอันพร่างพราย
พาไปค้นความหมายแห่งชีวิต

และเพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งการค้นพบ
ก็ประสานบรรจบภาวะจิต

เห็นรอยต่อของวิญญาณกับความคิด
ก็เห็นสิทธิ์ในเส้นทางอันเสรี

เป็นเสรีที่มิใช่การลุ่มหลง
แต่คือความมั่นคงอันแย้มคลี่

เป็นดอกไม้ที่บานด้วยความดี
เป็นเสี้ยวแสงแสนสีอันเบิกบาน

ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ
นี่ก็ยังไม่สิ้นสุดการสืบสาน

หากยังต้องสร้างสรรค์แรงบันดาล
เพื่อสืบต่อปัญญาญาณด้วยบทกวี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น